บทที่ 7

บนถนนด้านหน้ารถม้า มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่โดนโค่นล้มพาดเป็นแนวยาวขว้างทางไว้ หน้าต้นไม้ใหญ่มีชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำจำนวนห้าหกคนยืนอยู่ พวกเขาทั้งหมดเป็นกลุ่มโจรป่า ในมือยังถืออาวุธหลากหลายชนิด

ดูปราดเดียวก็รู้ว่าตั้งใจมาหาเรื่อง!

รุ่ยรุ่ยไม่กลัวพวกเขาเลยสักนิด พอลงจากรถม้าเขาถามกลับอย่างก้าวร้าว "เจ้าเป็นโจรจากที่ใดกัน เหตุใดจึงกล้ามาขว้างทางของข้า?"

ท่าทางหยิ่งยโส ดูแล้วไม่เหมือนเด็กเลย

มู่จือเหยี่ยนรู้สึกจนใจ หนานกงรุ่ยหยวนเลี้ยงลูกอย่างไรกัน? เหตุใดจึงบุ่มบ่ามเช่นนี้?

"เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้มาจากไหนกัน? " ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำเหล่านั้น ไม่ได้สนใจรุ่ยรุ่ยเลยด้วยซ้ำ พวกเขามองไปยังมู่จื่อเหยี่ยน สัญลักษณ์รูปปานบนใบหน้านั้น ทั้งหมดดูตื่นเต้นกันมาก

“ท่านพี่ใหญ่ แม่นางน้อยคนนั้น!”

“แม่นางน้อยเจ้าหนีเก่งเหลือเกิน ข้าต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะตามหาเจ้าเจอ คราวนี้เจ้าคงหนีไม่พ้นแล้ว”

พี่ใหญ่ของพวกเขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อยแล้วออกคำสั่ง "พี่น้องทั้งหลาย รีบตัดหัวของนางเร็วเข้า แล้วพวกเรากลับเมืองหลวงไปรับรางวัลกัน"

“แล้วเจ้าเด็กเจ้าปัญหานั้นล่ะ?”

“สนใจทำไม ฆ่ามันทิ้งด้วยกัน”

รุ่ยรุ่ยเหยียดยิ้ม " ด้วยความสามารถของพวกเจ้า ยังคิดจะฆ่าข้าอีกหรือ? ฝันไปเถอะ! ข้าคนเดียวก็สามารถเอาชนะพวกเจ้าได้ทั้งหมดได้"

ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำเหล่านัน้ ต่างหัวเราะอย่างขบขัน

มู่จือเหยี่ยนก้าวเท้าเดินขึ้นไปอยู่ด้านหน้าของรุ่ยรุ่ย อย่างเงียบ ๆ นางกวาดสายตาไปยังชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำพวกนั้น พวกเขาไม่ใช่แค่กลุ่มโจรอันธพาลธรรมดา แต่เป็นกลุ่มโจรป่าที่มือเปื้อนเลือด

ก่อนที่ฉินอวี้เหยาจะจากไป นางได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ในจวนหนิงหยวนโหว คนที่จิตใจอำมหิต ใช้เงินจำนวนมากเพื่อสั่งฆ่าปิดปากในจวนมีแค่คนเดียว

“พวกเจ้าคือคนที่หลิวอี๋เหนียงจ้างมาใช่หรือไม่? นางรับปากว่าจะให้เงินจำนวนเท่าไหร่ พวกเจ้าถึงได้กล้ารับงานฆ่าคนที่ผิดกฎเช่นนี้” มู่จื่อเหยี่ยนถามด้วยสีหน้าเย็นชา

"เจ้าสตรีหน้าตาน่าเกลียด ปัญหาเยอะเสียจริง" โจรป่ายิ้มเยาะพูดว่า "ในเมื่อเจ้าเดาได้แล้ว พวกเราฆ่าเจ้าเพื่อเงินรางวัล ยังไม่รีบจำนนเล่า? หากเจ้ากล้าพอ ฉัข้ารับปากว่าจะลงมือให้ไว ทุกคนจะได้หมดกังวล”

"เป็นความคิดที่ดี" มู่จื่อเหยี่ยนถามกลับ "อย่างนั้นพวกเจ้าจงช่วยยอมแพ้เสียเถอะ ช่วยข้าให้คลายกังวลหน่อย"

“ช่างไม่รู้จักดีชั่ว พวกเราบุกพร้อมกัน ฆ่าสตรีนางนี้ให้ตาย!”

โจรป่าเจ็ดแปดคนกระโจนเข้ามาพร้อมกัน หลังจากเกิดประกายแสงวูบหนึ่ง พวกเขาพุ่งตัวมายังคนทั้งสองเตรียมจะลงมือ

สารถีรถม้าไม่เคยเห็นฉากการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน เขาตกใจจนขาอ่อนปวกเปียก หยางหยางที่อยู่ในรถม้าโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยเตือน "ท่านแม่ ระวังตัวด้วย"

รุ่ยรุ่ยคิดไม่ถึงว่ารอบนอกของเมืองหลวง จะมีคนกล้าใช้มีดมาฆ่าคน

ในเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน อย่ากล่าวโทษว่ารุ่ยรุ่ยไม่เกรงใจ!

ที่รุ่ยรุ่ยที่คิดหนีออกจากบ้าน ได้เตรียมตัวเอาไว้แต่เนิน ๆ เขาที่ไม่ทันจะดึงอาวุธลับออกมา มู่จื่อเหยี่ยน กลับโยนร่างเขาเข้าไปในรถม้า แล้วพุ่งตัวเข้าหาชายฉกรรจ์เหล่านั้น

“เสด็จ ลุง!” รุ่ยรุ่ยนอนคว่ำหน้าอยู่บนรถม้า มองมู่จื่อเหยี่ยนด้วยความหวาดกลัว

นางยกขาขึ้น เตะเข้าที่เอวของชายร่างกำยำคนหนึ่ง ชายกำยำคนนั้นลอยเคว้งไปอีกด้าน

มู่จือเหยี่ยนแย่งมีดขนาดใหญ่ในมือของเขา และออกแรงใช้หลังมีดทุบไปยังตำแหน่งกลางกระหม่อม ชายคนนั้นสลบเหมือดไป

นางหลบหลีกการโจมตีของคนอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว และจัดการกับพวกโจรทีละคนด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็ว ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

หัวหน้าโจรป่าระเบิดโทสะและตวาดลั่น "พวกเจ้าทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน รีบจัดการนางซะ!"

น่าเสียดายที่ลูกสมุนของหัวหน้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของมู่จือเหยี่ยน ในพริบตา พวกชายฉกรรจ์ที่อวดเบ่งเหล่านั้นก็ล้มตัวลงกับพื้น

"ฮูหยินผู้เฒ่าเหมย... มีวรยุทธหรือ?" ดวงตาของรุ่ยรุ่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่ามู่จื่อเหยี่ยนจะร้ายกาจถึงเพียงนี้!

หยางหยางพูดอย่างภูมิใจ "แน่นอนอยู่แล้ว ท่านแม่ของข้าเก่งกาจที่สุดในโลก"

หัวหน้าโจรป่าเห็นลูกสมุนของตัวเองล้มไปกองกับพื้นคนแล้วคนเล่า ในใจตื่นตระหนกอย่างมาก ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ใหญ่เสียแล้ว

เขาฉวยโอกาสตอนที่มู่จื่อเหยี่ยนยังไม่มีเวลามาจัดการกับเขา วิ่งหลบหนีออกไป

รุ่ยรุ่ยและหยางหยางที่อยู่ในรถ สังเกตเห็นคน ๆ นั้น รีบเตือนว่า "ท่านแม่ คนผู้นั้นกำลังจะหนีไป หากท่านปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ อนาคตอาจจะเกิดปัญหาไม่รู้จบ "

“เขาหนีไม่พ้นหรอก!”

พูดจบ รุ่ยรุ่ยก็หยิบนกหวีดออกมาจากกระเป๋า หลังจากเป่าแล้ว เสียงนกหวีดก็ดังไปรอบทิศทาง

มู่จือเหยี่ยนหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ

ในป่าไม่ไกล หลังจากที่เสียงนกหวีดหยุดลง ทันใดนั้นร่างเงาสีดำพุ่งออกมา เตะเข้าที่กลางลำตัวของชายฉกรรจ์อย่างแม่นยำ เตะจนร่างลอยอยู่กลางอากาศ

คนที่เป็นหัวหน้ากรีดร้องขึ้นมา ล้มตัวลงใต้เท้าของมู่จือเหยี่ยน และสลบลงไปทันที

ร่างสีดำเดินไปที่รถม้า คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า "ซือจื่อ"

รุ่ยรุ่ยรู้สึกว่าตัวเองมีหน้ามีตาอย่างมาก เขากระโดดลงจากรถม้า เอ่ยปากชมไม่หยุด "หยวนชี วรยุทธของเจ้าไม่เลวเลย! ทำได้ดีมาก!"

หยวนชีพูดอย่างถ่อมตน "ซือจื่อชมเกินไปแล้ว"

มู่จือเหยี่ยนหยอกล้อ "เจ้าไม่ใช่บอกว่าหนีออกจากบ้านหรอกหรือ? เหตุใดยังพาผู้ติดตามมาด้วยล่ะ?"

เพราะรุ่ยรุ่ยมีองค์รักษ์ฝีมือดีที่คอยคุ้มกันอยู่ลับ ๆ เขาถึงกล้าที่จะยั่วยุกลุ่มโจรป่าอย่างไม่เกรงกลัว

“ข้าไม่ได้บอกว่าหนีออกจากบ้านคนเดียวสักหน่อย” รุ่ยรุ่ยไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด วุ่นวายกับแนะนำตัว “นี่คือหยวนฉี เขาเป็นพี่ชายที่ดีที่เติบโตมากับข้า”

"หยวนฉี นี่คือน้องชายบุญธรรมของข้า นั่นคือมารดาของเขา"

มู่จือเหยี่ยนพยักหน้าให้ตามมารยาท "ข้าแซ่นายท่านฉิน"

“แม่นางฉิน” หยวนชีทักทายด้วยสีหน้าอย่างเย็นชา

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” หยางหยางท่าทางลนลานรีบวิ่งลงจากรถม้า วิ่งไปที่ด้านข้างของมู่จื่อหยาน และยื่นมือออกไปเพื่อให้นางอุ้ม

มู่จื่อเหยี่ยนอุ้มเขาขึ้นมาอย่างคล่องแคล้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "อย่ากังวลไป แม้แต่รอยขีดข่วนแม่ก็ไม่มี"

รุ่ยรุยจ้องสองแม่ลูกอย่างจดจ่อ พึมพำว่า "ข้าก็อยากโดนอุ้ม"

หยวนชีรีบยื่นมือออกไป "ข้าน้อยสามารถอุ้มซือจื่อได้"

"ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าอุ้มข้า" รุ่ยรุ่ยมุ่ยปาก เข้าพุ่งตัวไปยืนตรงหน้ามู่จือเหยี่ยน แล้วกอดเข้าที่เอวของนาง และพูดอย่างน่าสงสารว่า "วรยุทธของท่านยอดเยี่ยมอย่างมาก ในสตรีที่ข้าเคยเห็นท่านเก่งกาจที่สุด ท่านมาเป็นแม่ของข้าได้หรือไม่?"

หยวนชีฟังจบ ตกใจจนหน้าเปลี่ยน พูดลนลานว่า ซือจื่อ ท่านอย่าได้พูดส่งเดชไป!

"ข้าไม่ได้พูดส่งเดชนะ!" รุ่ยรุ่ยพูดด้วยสีหน้าคาดหวัง "ข้าใฝ่ฝันที่จะมีท่านแม่ที่มีเก่งกาจเช่นนี้"

รุ่ยรุ่ยยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสมอย่างมาก อนาคตข้างหน้า เขาจะมีท่านแม่ที่รักและเป็นห่วงเขา เด็กที่มีแม่ชีวิตมีความสุขแน่นอน

และเขาจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีแต่คนมารุมรัก!

มู่จื่อเหยี่ยนประหลาดใจอย่างมาก นางลูบศีรษะเล็ก ๆ ของรุ่ยรุ่ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ขอบคุณที่ชอบข้า"

“ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้า มาเป็นแม่ของข้าได้หรือไม่?” รุ่ยรุ่ยตบอกตัวเองยืนยันว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะปฏิบัติต่อหยางหยางเหมือนน้องชายแท้ ๆ อย่างแน่นอน”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่กระตือรือร้นของเด็กชาย มู่จือเหยี่ยนเกือบจะพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว

แต่ในเวลานี้ใบหน้าหยางหยางกลับบูดบึ้ง เบี่ยงตัวมาบังอยู่ด้านหน้าของแม่ตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ "ไม่ได้เด็ดขาด"

“ทำไมกันล่ะ?” รุ่ยรุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วย “ข้าสามารถแบ่งท่านพ่อให้เจ้าครึ่งหนึ่ง”

"ข้าไม่ต้องการ!" หยางหยางพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ "เจ้าอย่ามาคิดแย่งท่านแม่ของข้าก็พอ"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป